ผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านบทความของ Telepath น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า Remote Work กันแล้ว หรือผู้อ่านท่านไหนยังไม่แน่ใจว่า Remote Work คืออะไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทความ “ Remote Work คืออะไร? ปรับตัวสู่โลกการทำงานยุคใหม่” ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำคำศัพย์คำใหม่ที่กำลังเป็นเทรนอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือ Digital Nomad
Digital Nomad คืออะไร?
Digital Nomad เกิดจากคำสองคำคือ Digital รวมกับคำว่า Nomad (ที่แปลว่า เร่ร่อน หรือ พเนจร) ซึ่งแปลง่ายๆคือ คนที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ที่สำนักงานหรือสถานที่ใดที่หนึ่งอย่างถาวร ซึ่ง Digital Nomad นั้นจะเป็นงานที่สามารถทำที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
และสิ่งที่สำคัญคือ Digital Nomad นั้นไม่จำเป็นต้องเขาบริษัทก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น กลุ่มคนที่ทำอาชีพ Freelance, Fulltime trader เป็นต้น ซึ่งพออ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยกันว่าแล้วมันต่างจาก Remote Work หรือ Work From Home ยังไง เรามาดูข้อแตกต่างเพิ่มเติมของ Digital Nomad และ Remote Work กัน
ข้อแตกต่างระหว่าง Digital Nomad และ Remote Work
1. การทำงานเวิร์คไลฟ์บาลานซ์
Digital Nomad: เป็นการเลือกวิถีชีวิตที่รวมการทำงานและการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน มุ่งเน้นการผสมผสานการเดินทางและการทำงานเข้าด้วยกัน
Remote Work: เป็นการจัดการการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานที่ทำงาน สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
2. สภาพแวดล้อมในการทำงาน
Digital Nomad: เนื่องจาก Digital Nomad จะให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและการท่องเที่ยวทำให้ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ๆ เป็นประจำ เช่น การปรับเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนไทม์โซน
Remote Work: มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่คงที่มีการเปลี่ยนแปลงที่น้อย ไม่ได้เน้นท่องเที่ยวและทำงานไปพร้อมกัน เช่น Work From Home การไปทำงานใน Co-Working Space หรือ ร้านกาแฟ
3. ระยะเวลาในการทำงาน
Digital Nomad: มีความยืดหยุ่นในเวลาการทำงาน ให้ความสำคัญกับกับการทำงานให้สำเร็จภายในกำหนดเวลา
Remote Work: มีเวลาการทำงานที่แน่นอนตามข้อกำหนดของบริษัทหรือองค์กร บางองค์กรกำหนดให้พนักงานจำเป็นต้องลงเวลาเข้างานและออกงานผ่านระบบในทุกวันที่ทำงาน
ทักษะที่จำเป็นสำหรับการเป็น Digital Nomad
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า Digital Nomad นั้นแตกต่างจาก Remote Work ยังไง เรามาดูกันว่าทักษะที่สำคัญสำหรับการเป็น Digital Nomad ที่ดีนั้นจำเป็นต้องมีทักษะอะไรบ้าง
1. ทักษะการจัดการเวลา (Time Management) - ความสามารถในการวางแผนและจัดการเวลาของตัวเองเพื่อให้ทำงานเสร็จตามกำหนดเวลา การตั้งเป้าหมายและจัดลำดับความสำคัญของงานให้สอดคล้องกับชีวิตและการเดินทาง
2. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication) - ควรมีช่องทางการติดต่อสื่สารผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล, แชท, หรือวิดีโอคอล เนื่องจากการทำงานระยะไกลจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับทีมงาน ลูกค้า หรือผู้ร่วมงานจากที่ต่าง ๆ การเขียนอธิบายให้ได้เนื้อหาที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้สามารถอธิบายงานหรือข้อเสนอแนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility and Adaptability) ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่แตกต่างกัน เช่น วัฒนธรรม, ไทม์โซน, และสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ๆ
4. ทักษะการแก้ปัญหา (Problem-Solving Skills) การแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
ตัวอย่างสายงานและอาชีพที่เป็น Digital Nomad ได้
1. เทคโนโลยี (Technology)
แน่นอนว่ากลุ่มงานสายเทคโนโลยีนั้นสามารถทำที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีโน้ตบุ๊คและอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบันเครื่องมือที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมหรือสร้างแอปพลิเคชั่น ก็สามารถใช้ได้ผ่านเว็บไซต์หรือ Browser โดยที่ไม่ต้องโหลดโปรแกรมลงเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น GitHub ที่เป็นโปรแกรมเมอร์สามารถเขียนโค้ดและส่งโค้ดต่างๆผ่านอินเทอร์เน็ตให้เพื่อนร่วมงานได้แบบเรียลไทม์
และมากไปกว่านั้นในอุสาหกรรมนี้ยังสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะผ่านคอร์สออนไลน์ได้จากทุกที่ เพราะการเขียนโค้ดหรือการสร้างแอปพลิเคชั่นนั้นใช้ภาษาเดียวกันทั่วโลกทำให้มีกลุ่มคอมมูนิตี้สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้มากมาย
ตัวอย่างอาชีพสายเทคโนโลยี
-
นักพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชัน (Web and App Developer)
-
วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer)
-
นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst)
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity Specialist)
2. การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing)
กลุ่มงานด้านการตลาดออนไลน์นั้นก็เป็นอีกกลุ่มนึงที่สามารถเป็น Digital Nomad ได้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น สั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ดูสื่อบนโซเชียลมีเดียมากกว่าบนทีวี ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ต่างๆหันมาให้ความสำคัญในการทำการตลาดบนออนไลน์มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
และแน่นอนว่าเครื่องมือที่ใช้ในการทำการตลาดออนไลน์นั้นส่วนใหญ่สามารถทำผ่านอินเตอร์เน็ตได้แบบ 100% เช่น Meta Business Manager ที่ใช้ซื้อสื่อโฆษณาบน Facebook, หรือการเขียน บทความที่เราสามารถเขียนลงไปใน Google Docs และสามารถส่งให้เพื่อนร่วมงานอื่นมาดูได้แบบเรียวไทม์ เป็นต้น ทำให้กลุ่มงานสายการตลาดออนไลน์เป็นสายงานที่สามารถเป็น Digital Nomad ได้เช่นกัน
ตัวอย่างอาชีพสายเทคโนโลยี
-
ผู้จัดการโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager)
-
ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO (SEO Specialist)
-
นักเขียนคอนเทนต์ (Content Writer)
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อสื่อโฆษณาออนไลน์ (Biddable Specialist)
3. การออกแบบและงานสร้างสรรค์ (Design and Creative Work)
อีกหนึ่งสายงานที่เหมาะจะเป็น Digital Nomad นั้นก็คือกลุ่มสายงานออกแบบในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ รูป กราฟฟิค หรือแม้แต่ออกแบบเว็บไซต์
ซึ่งงานทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นสามารถทำได้ทั้งผ่านโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องเช่นกัน เพราะในปัจจุบันนั้นมีอินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างเร็วและสามารถดาวน์โหลดและอัปโหลดไฟล์ที่ใหญ่ได้เพียงเวลาไม่นาน
ทำให้กลุ่มสายงานออกแบบและตัดต่อสามารถอัปโหลดและส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้เหมือนกับงานในสาของเทคโนโลยีและการตลาดออนไลน์
ตัวอย่างอาชีพสายเทคโนโลยี
-
นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer)
-
นักออกแบบ UX/UI (UX/UI Designer)
-
นักตัดต่อวิดีโอ (Video Editor)
4. การเขียนและแปลภาษา (Writing and Translation)
ซึ่งสายงานอาชีพนักเขียนนั้นจำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสายอาชีพที่เหมาะกับการเป็น Digital Nomad อย่างมากเพราะการเดินทางหรือเปลี่ยนสถานที่ทำงานนั้นมีผลต่อความคิดและไอเดียในการเขียนเนื้อหาใหม่ๆ
ซึ่งความคิดสร้างสรรค์นั้นจะเกิดได้ยากหากเรานั้นอยู่ในที่เดิมๆและเจอแต่สิ่งเดิมๆ แน่นอนว่าเนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอาชีพนักเขียนปละนักแปลนั้น สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่สามารถพิมพ์และส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถทำอาชีพนักเขียนที่เป็น Digital Nomad ได้แล้ว
ตัวอย่างอาชีพสายเทคโนโลยี
-
นักเขียนอิสระ (Freelance Writer)
-
บล็อกเกอร์ (Blogger)
-
นักแปล (Translator)
-
บรรณาธิการ (Editor)
สรุป
ในบทความนี้เป็นเพียงบางส่วนของสายงานที่สามารถเป็น Digital Nomad ได้ ทั้งนี้ยังมีอีกหลายสายงานที่สามารถเป็น Digital Nomad ได้ เช่น สายงานที่ปรึกษา (Consultant) การอบรมณ์และการส่อนออนไลน์(Online Tutor) และอื่นๆ และทักษะที่ Digital Nomad ที่ดีควรจะมีนั้นคือ ความเข้าใจและความรับผิดชอบ และความมีวินัยในการทำงาน ที่จะช่วยให้คนที่เป็น Digital Nomad นั้นสามารถประสบความสำเร็จทางด้านการงานและการใช้ชีวิตได้